ภาษา :
“เดี๋ยวนี้หน้าที่การเงินที่มั่นคงหายากขึ้น ในอนาคตการแข่งขันก็จะสูงขึ้นกว่าปัจจุบันอีก
อยากให้ลูกได้ไปเรียนต่อในต่างประเทศจะได้เปิดโลกกว้าง
ได้ทั้งความรู้และประสบการณ์ใช้ชีวิต พอกลับมาก็จะได้เปรียบกว่าเพื่อนๆ รุ่นเดียวกัน”
หากคุณเป็นหนึ่งในพ่อแม่มนุษย์เงินเดือนที่คิดเช่นนี้ และเชื่อว่าการ ส่งลูกไปเรียนต่อในต่างประเทศเพื่อให้ลูกได้นำความรู้และวิทยาการ ต่างๆ มาต่อยอดความคิด ซึ่งจะช่วยสร้างอนาคตในหน้าที่การงานที่ดี ในระยะยาวได้ แต่ก็ยังกังวลว่ามนุษย์เงินเดือนอย่างเราจะทำได้เหรอ
ลองทำตาม
“3 ขั้นตอนส่งลูกโกอินเตอร์
สไตล์มนุษย์เงินเดือน” ดังนี้
โดยพิจารณาความพร้อมของลูกและฐานะทางการเงินของเราในปัจจุบัน หากมีรายได้มากและมั่นคง ก็สามารถส่งลูกไปศึกษาต่อได้ตั้งแต่ระดับมัธยมถึงมหาวิทยาลัย แต่หากมีฐานะปานกลางและ ต้องการรอให้ลูกสามารถดูแลตัวเองได้แล้ว ก็อาจเลือกวางแผนให้ลูกศึกษาต่อต่างประเทศในระดับ ปริญญาโทใช้เวลา 1-2 ปีแทน
พร้อมประเมินเผื่ออัตราแลกเปลี่ยนและอัตราเงินเฟ้อด้วย เพราะระยะเวลาตั้งแต่ เริ่มเก็บออมไปจนถึงเวลาที่ต้องใช้เงินจริง ค่อนข้างยาวนาน เก็บเงินเผื่อไว้ก่อน ก็ไม่เสียหาย ยกตัวอย่างการส่งลูกเรียนต่อในระดับปริญญาโทในประเทศอังกฤษ ใช้เวลาเรียนเพียง 1 ปี มีค่าใช้จ่ายโดยประมาณดังนี้
รวมทั้งสิ้นประมาณ 27,000 - 37,500 ปอนด์หรือประมาณ 1.5 - 2 ล้านบาท ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวอาจจะเปลี่ยนแปลงไปตามค่าครองชีพในแต่ละเมือง ไลฟ์สไตล์ของ การใช้ชีวิต และอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา แถมบางมหาวิทยาลัยก็มีการเพิ่ม ค่าเล่าเรียนในอัตรา 5% - 10% ทุกปีอีกด้วย
เริ่มต้นจากสำรวจรายรับรายจ่ายของสามีภรรยาดูว่า สามารถจัดสรรเงินออมมาลงทุนในด้านการศึกษาบุตรได้มาก ขนาดไหน โดยไม่กระทบกับภาระค่าใช้จ่ายเพื่อเป้าหมายอื่นๆ ของครอบครัว จากนั้นก็กำหนดแผนการเก็บออมอย่างมีวินัย ภายในระยะเวลาที่ตั้งใจไว้ ยิ่งเริ่มออมเร็วยิ่งมีโอกาสบรรลุเป้าหมายได้เร็ว และยิ่งเลือกช่องทางการออมที่เหมาะสมกับ ระยะเวลาและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้แล้ว ดีไม่ดีอาจมีเงินมากพอให้ลูกไปเรียนต่อได้ไกลเกินฝันก็ได้
ตัวอย่าง : เป้าหมาย คือ ออมเงินเพื่อการศึกษาต่อต่างประเทศของลูก 1,500,000 บาท
มีระยะเวลาออม 4 ปี พ่อแม่ควรเลือกออมเงินในสินทรัพย์ลงทุนที่มีความเสี่ยงไม่สูงมากนัก ถึงผลตอบแทน จะไม่สูงมากนัก แต่ก็ยังช่วยเพิ่มโอกาสเติบโตของเงินลงทุนได้บ้าง โดยจัดสรรเงินมาลงทุนในกองทุน ตราสารหนี้ เดือนละ 28,700 บาท จำนวน 48 เดือน ได้ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 4.4% ต่อปี ก็จะสามารถบรรลุเป้าหมายออมเงินเพื่อการศึกษาต่อต่างประเทศได้ตามที่ฝันไว้
(หมายเหตุ: คำนวณแบบทบต้นทุกเดือน อ้างอิงผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้แบบอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR)
ตั้งแต่ปี 2548 – 2558 อยู่ที่ 4.4% ต่อปี)
โดยทยอยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นที่มีผลการดำเนินงานในอดีต ดีอย่างสม่ำเสมอ เพราะวิธีนี้มีระยะเวลาออมเงินมากกว่า 20 ปี ทำให้เงินออมมีโอกาสเติบโตได้สูง เพียงแค่จัดสรรเงินมาลงทุน เดือนละ 1,000 บาท ในปีแรก และในปีถัดๆ มาให้เพิ่มเงินลงทุน อย่างน้อย 10% ต่อเดือนไปเรื่อยๆ เมื่อลูกจบปริญญาตรีตอน อายุ 22 ปี จะมีเงินทุนการศึกษาต่อต่างประเทศได้ประมาณ 2,252,000 บาทเลยทีเดียว
ปีที่ | เงินลงทุนสะสม |
1 | 12,592 |
2 | 27,826 |
3 | 46,117 |
4 | 67,940 |
5 | 93,833 |
6 | 124,413 |
7 | 160,377 |
ปีที่ | เงินลงทุนสะสม |
8 | 202,519 |
9 | 251,741 |
10 | 309,065 |
11 | 375,651 |
12 | 452,811 |
13 | 542,033 |
14 | 645,000 |
ปีที่ | เงินลงทุนสะสม |
15 | 763,617 |
16 | 900,036 |
17 | 1,056,688 |
18 | 1,236,321 |
19 | 1,442,037 |
20 | 1,677,333 |
21 | 1,946,158 |
22 | 2,252,961 |
(หมายเหตุ: คำนวณแบบทบต้นทุกเดือน อ้างอิงผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นแบบอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ตั้งแต่ปี 2548 – 2558 อยู่ที่ 10.46% ต่อปี)
ครั้งที่แล้ว เราพูดกันถึงเรื่อง การลงทุนแบบ 3 เด้ง คือ การลงทุนที่เมื่อเราลงทุนแล้ว เด้งแรกที่ได้รับ คือ
เรียนรู้การลงทุนเพื่อมีชีวิตที่ดี ได้ที่ห้องสมุดมารวย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
เรียนรู้เรื่องการเงินและการลงทุน ผ่านระบบ e-Learning ตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยสื่อมัลติมีเดียที่สอดคล้องกั
ไม่ว่าจะเป็นคลิปเรื่องวางแผนการเงินการลงทุน บทสัมภาษณ์พิเศษจากเหล่ากูรูในแวดวงตลาดทุน
ในวันอังคารที่ 12 มกราคม 2559 ตั้งแต่เวลา 17.30-19.00 น. ณ ห้องสมุดมารวย
ลงทุนในหุ้นดีอย่างไรนะ? หลายคนคงเคยมีคำถามนี้ อยู่ในใจ เพราะที่ผู้ลงทุนหลายคนลังเลที่จะลงทุน